เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์บนโลกยุคดิจิทัล (Artificial Intelligence: Al) ได้เข้ามามีบทบาทในหลากหลายมิติ แต่เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนา “คน” เพราะ “คน” คือผู้สร้างเทคโนโลยีและสุดยอดงานนวัตกรรม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ขององค์กร จากรุ่นสู่รุ่น เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงสนับสนุนการเรียนรู้และเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารและพนักงาน ด้วยการจัดหลักสูตรอบรมเสริมสร้างทักษะที่จำเป็น ทั้งการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ (Reskilling) และการพัฒนาทักษะเดิมให้ทันยุคสมัย (Upskilling) เพื่อให้บุคลากร สามารถเติบโตในโลกยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับ การปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่ได้ถือปฏิบัติมาตลอด โดยเฉพาะ หลัก “ความกตัญญู” ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์เชื่อมั่นว่า ไม่มีองค์กร หรือบุคคลใดสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน หากขาดซึ่งความเคารพ ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ และความกตัญญู ทั้งต่อประเทศชาติ สังคม และองค์กร อันเป็นคุณธรรมพื้นฐานของความสำเร็จ ความมั่นคง และความสง่างาม

ในการขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจสู่ความยั่งยืน เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของคู่ธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนไปด้วยกัน โดยยกระดับการทำงานร่วมกับคู่ค้าพันธมิตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ และนวัตกรรม เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ อย่างรอบด้านให้สามารถตอบโจทย์ทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยที่การบริหารจัดการจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ 3 ประการ ในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน คือ การสร้างประโยชน์ ให้แก่ “ประเทศชาติ” “ประชาชน” และประโยชน์ต่อ “องค์กร” เป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักดีว่าการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและสังคม จะเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับภาคธุรกิจไปพร้อมกัน

บนเส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืน เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงเดินหน้า สร้างความมั่นคงแข็งแกร่งในทุกมิติ เพื่อให้องค์กรพร้อมก้าวไปสู่ โลกแห่งอนาคต ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคลากร สนับสนุนนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่ดีตลอดห่วงโซ่คุณค่า ฯลฯ ภายใต้ความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับมาตรฐานองค์กรสู่ความยั่งยืนระดับโลกในศตวรรษที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สิ้นสุดนี้

ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา เราได้เดินหน้าอย่างมีนัยสำคัญตามพันธกิจระยะยาว เพื่อพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืนและก้าวสู่เป้าหมายสำคัญ คือ สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดปริมาณขยะสู่ หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 รวมถึงมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ความตั้งใจแน่วแน่นี้ สะท้อนถึงความรับผิดชอบที่เรามีต่อคนรุ่นหลัง และความเชื่อมั่น ในพลังของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

หนึ่งในหัวใจสำคัญของความสำเร็จ คือ การพัฒนาผู้นำที่มีคุณภาพ และความสามารถ เราให้ความสำคัญกับการหล่อหลอมผู้นำในทุกระดับให้ยึดมั่นในคุณธรรม ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และขับเคลื่อน การทำงานร่วมกันบนพื้นฐานค่านิยมหลักทั้ง 6 ประการของ เครือเจริญโภคภัณฑ์เราเชื่อว่า “ผู้นำที่ดีและเก่ง” คือหัวใจในการนำพา องค์กรก้าวผ่านความท้าทาย ขับเคลื่อนนวัตกรรม และสร้างผลลัพธ์ ที่มีความหมายในระดับมหภาค

ขณะเดียวกัน เรายังคงยึดมั่นในหลักการการเติบโตที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม (Inclusive Growth) เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงของเราเปิดโอกาสให้ทุกคนก้าวไปด้วยกัน เราลงทุนในโครงการยกระดับ และพัฒนาทักษะ (Upskilling & Reskilling) ให้กับบุคลากรสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการรวมถึงการสนับสนุน สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกชุมชนที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ

เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอาหารที่ยั่งยืนของเรา ตลอดปีที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เร่งนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: Al) และดิจิทัลมาใช้อย่างเต็มรูปแบบทั่วทั้งองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขับเคลื่อนการตัดสินใจเชิงข้อมูลและบริหารจัดการทรัพยากรใน ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ฟาร์มอัจฉริยะโลจิสติกส์เชิงคาดการณ์ไปจนถึงการผลิตอัจฉริยะ ทุกกระบวนการ ต่างถูกยกระดับเพื่อให้เกิดทั้งความรวดเร็วและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าศึกษาและลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน เกษตรอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงพลังงาน หมุนเวียนและเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญใน การสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนสอดคล้องกับขีดจำกัดของระบบนิเวศโลก (Planetary Boundaries)

เครือเจริญโภคภัณฑ์ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ตลอดปี 2567 เราได้ยกระดับกลไกการกำกับดูแลและการรายงานแนวทางการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและ ตอบสนองต่อความคาดหวังของสังคม เราได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำระดับโลก อาทิ S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA), CDP และสถาบัน Ethisphere อันสะท้อนถึง การเดินหน้าอย่างจริงจังและโปร่งใส

เราตระหนักดีว่า ความท้าทายด้านความยั่งยืนในระดับโลกต้องการ ความตั้งใจและอาศัยการลงมือทำอย่างมุ่งมั่น การสร้างความร่วมมือเชิงลึกและความรับผิดชอบร่วมกัน ด้วยหลัก “สามประโยชน์" อันเป็นเข็มทิศของเราเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน และเพื่อองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์จะเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการ ขับเคลื่อนสู่โลกที่สมดุลและยั่งยืนยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณในความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากทุกท่านในทุกย่างก้าวตลอดเส้นทางสำคัญสู่ความยั่งยืน

จากรายงานล่าสุดของสหประชาชาติระบุว่า ในปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 17 ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UN SDGs) เท่านั้น 2573 ที่มีความคืบหน้าในระดับที่เพียงพอต่อการบรรลุผลภายในปี ขณะที่โลกเหลือเวลาอีกเพียง 6 ปีในการเร่งดำเนินการให้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งหมายความว่าเราทุกคนต้องเร่งลงมือทำ อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์เราตระหนักถึงความเร่งด่วนดังกล่าว จึงได้ยกระดับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนทั้ง 15 ประเด็นหลักให้สอดคล้องกับแนวทางสากล และ UN Global Compact อีกทั้งได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ภายในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม ที่เน้นความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน และการดำเนินงานบนพื้นฐานของความรู้ และคุณธรรม มาใช้ในการดำเนินงาน

นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้เข้าร่วมโครงการ UN Global Compact: Forward Faster เพื่อเร่งผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UN SDGs) ให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพในระดับโลก โดยเน้นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Business) ที่สามารถสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Just Transition) เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมในทุกมิติและสร้าง การเตรียมพร้อมให้ทุกฝ่ายก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกันอย่างแท้จริง

เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังต้องเผชิญกับทิศทางใหม่ของภาคธุรกิจในทุก อุตสาหกรรม ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วย 3 กระแสสำคัญ คือ 1. การทวนกลับ ของกระแสโลกาภิวัตน์ อันเกิดจากการแบ่งขั้ว หรือ Deglobalization 2. การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Decarbonization และ 3. การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digitalization ทั้ง 3 มิตินี้ กำลังหล่อหลอมโลกธุรกิจให้เปลี่ยนแปลงอย่างถาวร ซึ่งเครือฯ ได้ปรับตัวตอบรับด้วยแนวทางที่เป็นระบบ รอบคอบ และมีเจตนารมณ์ ที่ชัดเจนจึงได้เดินหน้าด้วยยุทธศาสตร์ที่สำคัญ 3 ประการ เพื่อก้าวไปสู่ เป้าหมายด้านความยั่งยืน ได้แก่

1. สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
2. ลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573
3. ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติภายในปี 2573

สำหรับการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เดินหน้าลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น และยกระดับประสิทธิภาพ การใช้พลังงานในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก กิจกรรมภายในองค์กร (Scope 1 และ 2) ตลอดจนตั้งเป้าหมายลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกับพันธมิตรในห่วงโซ่อุปทาน (Scope 3) ผ่านการติดตั้งโซลาร์เซลล์ การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าในระบบขนส่ง และการลดก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตร

ในด้านของการใช้ทรัพยากรเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนบูรณาการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะในด้านการบริหารจัดการขยะอาหาร (Food Waste) ซึ่งเรา ได้ดำเนินมาตรการลดการสูญเสียอาหารในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการบริโภค เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชนในการผลักดันสนับสนุนให้คนไทยได้เข้าถึงการศึกษาที่มี คุณภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่แนวทางการเรียนรู้คู่คุณธรรม โดยมุ่งเน้นการ พัฒนาทักษะควบคู่กับการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อสร้าง บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้นำแนวคิด “การเรียนรู้คู่คุณธรรม” มาเป็น แนวทางสำคัญในการส่งเสริมการศึกษา แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาแต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนในการเผชิญกับความท้าทายของโลกยุคดิจิทัล

จากแนวทางการพัฒนาคนด้วยการเรียนรู้คู่คุณธรรม สู่การขับเคลื่อนเชิงระบบ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับ “บุคลากร” ในฐานะหัวใจของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เครือฯ ตระหนักดีว่า ทุนมนุษย์ที่แข็งแรง คือ “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่จะนำพาประเทศ และสังคมไปสู่ความยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้น เครือฯ จึงได้นำโมเดล Sustainable Intelligence Transformation (SI Transformation Model) มาใช้เป็นกรอบแนวทางสำคัญในการปรับองค์กรและผลักดันประเทศ ให้ก้าวสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 5 ประการ ได้แก่

Transparency - การสร้างความโปร่งใสและการกำหนดตัวชี้วัดใหม่ ที่สามารถสะท้อนความก้าวหน้าและผลกระทบที่แท้จริง

Market Mechanism - การใช้กลไกการเชื่อมโยงตลาดร่วมกับ ความร่วมมือของทุกภาคส่วน อาทิรูปแบบ PPP (Public-Private Partnership) เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ

Leadership & Talents - การพัฒนาภาวะผู้นำควบคู่ไปกับการสร้าง แรงบันดาลใจให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมและมองเห็นเป้าหมาย เดียวกันอย่างชัดเจน

Empowerment - การกระจายอำนาจให้กับคนหน้างานและคนรุ่นใหม่ ในการคิดและลงมือทำ เพื่อให้ความยั่งยืนฝังอยู่ใน DNA ขององค์กร

Technology - การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง มีจริยธรรม เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการดำเนินธุรกิจ ให้ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

การบูรณาการทั้ง 5 องค์ประกอบนี้ จะช่วยเสริมพลังให้เครือฯ สามารถ รับมือกับกระแสโลกาภิวัตน์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รากฐานสำคัญในการยกระดับศักยภาพของคนไทย ที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล และเป็น สู่การพัฒนา

การยกระดับศักยภาพของคนไทยในยุคดิจิทัลไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่าง สมบูรณ์ หากปราศจากโครงสร้างรองรับที่แข็งแรงด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น บริษัทเทคโนโลยีอย่างแท้จริง โดยไม่เพียงมองว่าเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจ แต่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างระบบนิเวศแห่ง การเรียนรู้ การวิจัย และการพัฒนาที่พร้อมปลดล็อกศักยภาพของ บุคลากรทุกระดับ ให้สามารถสร้างคุณค่าใหม่ทางเศรษฐกิจและสังคม ได้อย่างต่อเนื่อง

เครือเจริญโภคภัณฑ์เชื่อมั่นว่า การปรับเปลี่ยนทั้งองคาพยพในวันนี้ ไม่ใช่เพียงการปรับใช้เทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยนผ่านวิธีคิด กระบวนการ และวัฒนธรรมองค์กร ให้พร้อมรับความท้าทายของยุคเทคโนโลยี 5.0 ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งด้านความสามารถในการแข่งขัน ความยืดหยุ่น ของระบบเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของมนุษยชาติไปพร้อมกัน ด้วยกรอบคิดนี้ เครือฯ จึงไม่เพียงพัฒนาโซลูชันทางธุรกิจ แต่ยังมุ่งสร้าง ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ที่จะส่งผลในระยะยาวทั้งต่อประเทศ สังคม และองค์กร

ในปีที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำ ระดับโลกในด้านความยั่งยืน อาทิ S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA), CDP และสถาบัน Ethisphere ซึ่งเป็นที่ยอมรับ ในระดับสากลว่าเป็นมาตรฐานสูงสุดด้านความโปร่งใส ธรรมาภิบาล และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การได้รับการจัดอันดับ จากองค์กรเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียง “รางวัล” หากแต่เป็นหลักฐาน ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเครือฯ ในการยกระดับ มาตรฐานให้ทัดเทียมระดับโลก ทั้งในด้านกลยุทธ์ การลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ความโปร่งใสด้านข้อมูล การบริหารห่วงโซ่อุปทาน ที่รับผิดชอบ และการดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรม เครือฯ จะยังคงพัฒนา ปรับปรุง และยกระดับแนวทางให้ดียิ่งขึ้น เพื่อส่งผลกระทบเชิงบวก อย่างแท้จริงในระยะยาว

ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน เครือเจริญโภคภัณฑ์ยึดมั่นใน “คุณธรรม ความกตัญญู และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” และเชื่อว่า ความสำเร็จที่ยั่งยืน คือความสำเร็จที่แบ่งปัน และส่งต่อได้ องค์กร จะยังคงสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ผ่านการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบ ต่อผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อมสืบไป